นิเวศท้องถิ่น
วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555
วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555
ภูมินิเวศและภูมิปัญญาท้องถิ่น
"ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับระบบนิเวศในฐานะที่เป็นผู้มีบทบาทหน้าที่ในส่วนหนึ่งของกระบวนการในระบบนิเวศ และเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความสมดุลและความยั่งยืนของธรรมชาติ"
ประเทศไทยเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีความหลากหลายของสภาพภูมิประเทศ
เมื่อรวมเข้ากับสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น
จึงส่งผลให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในแต่ละพื้นที่มีความหลากหลายและสัมพันธ์ไปกับสภาพพื้นที่ที่อาศัยอยู่
ความหลากหลายของธรรมชาติจึงส่งผลให้ผู้คนเกิดการเรียนรู้ ปรับตัว
และถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง
ให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจากแรงกดดันของธรรมชาติ
เกิดเป็นภูมิปัญญาที่มีลักษณะเฉพาะที่สัมพันธ์ไปกับสภาพของแต่ละพื้นที่
กระบวนทัศน์ทางนิเวศวิทยาในทางวิทยาศาสตร์ มีความเห็นว่าความพยายามที่จะแยกสิ่งมีชีวิตออกจากสิ่งแวดล้อมที่ตนอาศัยอยู่ของสิ่งมีชีวิตนั้นไม่สามารถเป็นจริงได้
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดพื้นฐานของภูมิปัญญาท้องถิ่น
อันเป็นผลจากการใช้สติปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ ดังนั้นเมื่อนำสองแนวคิดดังกล่าวมาประกอบกันเพื่อทำความเข้าใจสภาพความสัมพันธ์ของคน
ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม โดยผสานมุมมองในทางข้อเท็จจริงที่ปรากฏแก่สายตา
และในเชิงคุณค่าของสังคมที่ร่วมใช้ประโยชน์ อาจทำให้มีส่วนช่วยในการอนุรักษ์
ฟื้นฟู
และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวะที่สมดุลและยั่งยืน
การศึกษาถึงสภาพทางภูมินิเวศหรือถิ่นที่อยู่อาศัย
(Habitat) ที่มีอิทธิพลต่อรูปแบบวิถีชีวิต และเป็นแหล่งกำเนิดของภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากพืชพรรณที่ปรากฏอยู่ในพื้นที่
จะทำให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับระบบนิเวศ ในฐานะที่เป็นผู้มีบทบาทหน้าที่ในส่วนหนึ่งของกระบวนการในระบบนิเวศ
และเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความสมดุลและความยั่งยืนของธรรมชาติ ในขณะที่ผลจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
สังคมวัฒนธรรม และเศรษฐกิจนับจากอดีต จะช่วยให้เข้าใจถึงสภาพเงื่อนไขสำคัญที่ส่งผลต่อการปรับตัวภูมิปัญญาท้องถิ่น
ซึ่งจะทำให้มองเห็นร่องรอยและแนวโน้มความสัมพันธ์ของชุมชนกับการใช้ประโยชน์จากพืชพรรณที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปได้
อันเป็นไปตามหลักการจัดการทรัพยากรธรรมชาติในยุคปัจจุบัน ที่มีความจำเป็นต้องยอมรับความหลากหลายของสังคมมนุษย์และวัฒนธรรม
ในฐานะที่เป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งหากว่าระบบความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติได้สูญเสียไป
เปรียบเหมือนการสูญเสียสภาพป่าธรรมชาติ หรือการสูญพันธุ์ของพืช ที่แม้จะพยายามฟื้นฟูหรือสร้างใหม่เพียงใด
ก็ไม่อาจที่จะกลับมามีสภาพเหมือนเดิมได้
วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
สายน้ำบนถนนกับคนในเมือง
ในสภาวะที่คนเมืองประสบกับน้ำท่วม การดำเนินชีวิตประจำวันอาจไม่ราบรื่นเหมือนภาวะปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนส่วนหนึ่งที่ประกอบอาชีพรับเงินเป็นรายเดือน ทั้งภาคเอกชนและราชการ จำเป็นต้องขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจให้เดินต่อ เพื่อไม่ให้ระบบรายย่อยอื่นๆ ที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กันไม่หยุดนิ่ง
ภายใต้กรอบกติกาที่มนุษย์สร้างขึ้น ภายใต้ระบบความเป็นเมือง ซึ่งเมื่อมองภายใต้กรอบธรรมชาตินิยมแล้ว ย่อมถือว่ามีความไม่เป็นธรรมชาติอยู่เลย แต่เมื่อมองในแนวมนุษย์นิยมแล้วอาจถือว่าเป็นความธรรมดาของมนุษย์ที่พยายามเอาชนะธรรมชาติมาโดยตลอด
ในภาวะเช่นนี้ อาจไม่ต่างจากยุคสมัยของมนุษย์อื่นๆ ที่เกิดการเรียนรู้ และข้ามพ้นไปจากกรอบที่เคยยึดถือ และหันมาทำความเข้าใจที่จะอยู่รอดต่อไป ภายใต้ระบบความสัมพันธ์ของคนที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในยามที่ประสบกับปัญหาร่วมกัน
เมื่อภาระหน้าที่ในการประกอบอาชีพ จำเป็นต้องเดินทางจากบ้านไปยังที่ทำงาน ส่วนใหญ่ในภาวะที่สภาพเส้นทางปกติ อาจแบ่งกลุ่มตามยานพาหนะที่ใช้ เป็น 2 กลุ่ม คือ มีใช้เป็นส่วนตัว กับ ใช้ของสาธารณะ ซึ่งในยามภาวะปกติสภาพของสังคมเมืองย่อมแบ่งแยกคนให้สามารถอยู่ได้ด้วยตนเองมากว่าพึ่งพิงโดยตรงกับคนอื่น ทุกๆคนจึงมีความสามารถในการเดินทาง ตามที่ได้เรียนรู้มาเป็นอย่างดี
สำหรับในภาวะที่ไม่ปกติของเมือง แต่เป็นภาวะธรรมชาติของน้ำ การปะทะกันของสิ่งที่ปรากฏแก่สายตา ทำให้สภาพของถนนที่เป็นช่องทางการเดินทางที่สำคัญ เต็นไปด้วยน้ำ รถยนต์ส่วนตัวไม่อาจออกมาใช้ได้เหมือนปกติ แต่เมื่อคนเมืองมีความจำเป็นต้องออกไปทำงาน จึงเกิดความสัมพันธ์ของคนที่สร้างขึ้นเพื่อสามารถให้บรรลุเป้าหมายในการเดินทาง คือ
คนที่ใช้บริการขนส่งมวลชน ก็ยังใช้เช่นเดิม เพียงแต่อาจเปลี่ยนจากรถเมล์เป็นรถทหาร โบกรถกระบะ และอาจเปลี่ยนจากนั่งเงียบคนเดียว ไปเป็นได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมทางมากขึ้น อยากสื่อสารกับคนรอบข้าง หรือแม้กระทั้งได้เห็นความเป็นผู้นำตามธรรมชาติ
คนที่มีรถสูงพอที่จะวิ่งฝ่าน้ำได้ ก็กลายเป็นผู้ประกอบการขนส่งมวลชนชั่วคราว ทั้งจากการรับส่งญาติมิตร เพื่อนร่วมงานแล้ว ยังเป็นอาสาพาผู้อื่นที่ประสบภัยไปส่งด้วย
คนที่ปกติอาจขับรถหรือไม่ขับรถเอง แต่มีความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่สามารถเข้าถึงทรัพยากรได้มากกว่าคนทั่วไป ในทีนี้คือยังสามารถเดินทางได้สะดวก ก็จะมีคนคอยไปรับส่งอยู่เสมอ
คน 3 กลุ่ม ดังกล่าวนี้ อาจไม่มีปัญหานักในการเดินทางในสภาพถนนที่ไม่ปกติ คือยังมีความสามารถที่จะไปได้ โดยอาศัยความสัมพันธ์ 3 อย่าง คือ อำนาจที่มีอยู่ รถตัวเองที่ยังวิ่งอยู่ และขนส่งมวลชนที่มีอยู่
แต่ยังเหลืออีกกลุ่มหนึ่งที่ในยามปกติก็ขับรถไปทำงาน เมื่อประสบกับภาวะน้ำท่วมบางส่วนก็ยังมีความสามารถได้ปรับตัวไปใช้ขนส่งมวลชน แต่ยังคงมีอีกจำนวนหนึ่งที่อาจเป็นไปไม่ได้ เมื่อเปรียบเทียบภาพของคนที่ขับรถไปทำงานนับสิบปีมาเป็นคนที่ต้องปีนขึ้นรถที่สูง แม้ในยามปกติก็ไม่เคยขึ้นรถเมล์ แล้วก็ไม่สามารถเข้าถึงอำนาจใดๆ ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นก็ไม่มีความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเพื่อนฝูงร่วมงานอื่นพอที่จะอาศัยหรือไปเป็นเพื่อนด้วย
กลุ่มสุดท้ายนี้จึงเป็นกลุ่มที่สังคมได้ผลักดันให้เราเดินไป แต่กลับเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในยามที่ประสบกับภาวะที่ไม่ปกติของเมือง น่าจะเป็นหนทางที่ทำให้เราเข้าใจว่า ทำไมต้องทำถนนให้แห้ง และรักษากรุงเทพชั้นใน เพราะหากสายน้ำเดินทางไปยังจุดนั้น ความน่าวิตกไม่ใช่เรื่องของน้ำอย่างเดียว หากยังรวมถึงความสัมพันธ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นแกนของเมืองจะถูกทดสอบไปด้วย เมื่อถึงวันนั้นจริงเราคงจะได้รู้ว่าจะมีสิ่งใดหลงเหลืออยู่ สิ่งใดคือของจริง สิ่งใดคือความสัมพันธ์ที่ช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไปได้
วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
สายน้ำกับการเปลี่ยนผ่าน
น้ำในความสัมพันธ์กับมนุษย์ คงเริ่มต้นมานับตั้งแต่กำเนิดมนุษย์ไม่กี่หมื่นปีที่ผ่านมา แต่หากนับย้อนไปถึงสายพันธุ์อื่นที่เป็นต้นกำเนิดมนุษย์ และเลยไปถึงกำเนิดสิ่งมีชีวิต คงจะเลยไปถึงนับล้านปี
น้ำเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตแรก ๆ บนโลกใบนี้ ก่อนที่จะวิวัฒนาการทั้งในน้ำและบนบก ทุกชีวิตที่ถือกำเนิดบนโลกใบนี้ต่างต้องพึ่งพิงน้ำในการมีชีวิต แม้ว่าจะต้องประสบกับภาวะขาดน้ำและน้ำมาก แต่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพการขึ้นและลงของน้ำ เกิดเป็นฤดูกาลของชีวิต
มนุษย์เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับฤดูกาล โดยเฉพาะเมื่อมีความสัมพันธ์กับวิถีการหาอาหารและการผลิต สะท้อนออกมาในรูปแบบของพิธีกรรมในช่วงของการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล เพื่ออ้อนวอน ขออภัย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พิธีกรรมต่าง ๆ ในสมัยโบราณ จึงมิใช่เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลหรืองมงาย หากเราอยู่ในยุคนั้นคงเข้าใจดีกว่านี้
สายน้ำที่ตกมาจากฟ้าหรือเอ่อล้นขึ้นมาจากแหล่งน้ำต่าง ๆ จึงเป็นสภาวะของความเปลี่ยนแปลงที่มนุษย์ได้ใช้พิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล หรือแม้กระทั่งในยามที่ขาดแคลนน้ำ ก็ไม่ต่างกัน
สายน้ำที่ขาดหาย ก็คือสายน้ำที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นสัญลักษณ์ของความมีชีวิต หากการยึดติดกับสภาวะใดสภาวะหนึ่ง จึงมิใช่ความหมายของการอยู่รอดของชีวิต เพียงผันแปรไปตามก็จะพบกับชีวิตที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและสอดประสานไปกับทุกสรรพสิ่งโดยไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่ากัน
ในยุคสมัยหนึ่งของมนุษย์ไม่ถึงพันปีที่ผ่านมา มนุษย์ได้สร้างเรือ ใช้สายน้ำและลม ข้ามพ้นมิติของพื้นที่อันห่างไกล ทั้งผู้คนและทรัพยากรได้ถูกเคลื่อนย้าย จนนำไปสู่การครอบครองดินแดนของชนชาติที่เข้มแข็งกว่าจากดินแดนอันแสนไกล
ด้วยวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่แตกต่างกัน จึงอาจเกิดความเข้ากันไม่ได้ของวิถีชีวิตหนึ่งในหลายพื้นที่ แต่ด้วยจำนวนประชากรที่ยังมีไม่มากนักจึงยังไม่ส่งผลออกมาให้เห็น เพียงแต่ได้สะสมและรอวันที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
การเดินทางของสายน้ำนั้นทั้งจากการเคลื่อนย้ายและเปลี่ยนรูปแบบ ได้ส่งสัญญาณให้มนุษย์ได้รับรู้เสมอมา แต่การเกิดขึ้นของนักเดินทางที่แสวงหาความสุขของตนเอง ได้ก้าวข้ามพ้นสายน้ำและสายสัมพันธ์ของชีวิตที่แตกต่างหลากหลายไปตามวิถีทางในแต่ละพื้นที่ จนเกิดแบบรูปของชีวิตอันเป็นหนึ่งเดียว ในนามของการพัฒนา
วิทยาการและเทคโนโลยี หากเป็นเพียงเครื่องมือของมนุษย์ที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการอยู่รวมกันของมนุษย์น่าจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญ หากมีไว้เพื่อตอบสนองความต้องการของคนเพียงน้อยนิด เพราะมนุษย์เป็นผู้มีอคติในความเชื่อของตน จึงเป็นไปไม่ได้ว่าวิทยาการอันใดจะมีความเป็นสากลในทุกพื้นที่ หากไม่มีการปรับเปลี่ยน รับใช้ให้เหมาะสมกับคนในแต่ละพื้นที่
วิทยาการสมัยใหม่ได้แบ่งแยกสายน้ำ นับตั้งแต่บนฟ้า บนภูเขา ในแม่น้ำ คลอง บึง ทะเล และมหาสมุทร (และสิ่งมีชีวิตที่นับไม่ถ้วนที่ล้วนผูกสัมพันธ์อยู่) ทั้งยังรวมเอาส่วนของสายน้ำแต่ละส่วนมาไว้ภายใต้กฎเกณฑ์และคำอธิบายภายใต้กรอบอันเดียวกัน เพื่อข้ามพ้นไปจากความสัมพันธ์ของพื้นที่ที่ดำรงอยู่
การแบ่งแยกสายน้ำ จึงเหมือนกับชีวิตที่ถูกปิดกั้น ที่ไม่มีโอกาสมีความอิสระที่จะเตรียมความพร้อมในช่วงฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนผ่าน หลายชีวิตได้ถูกกรอบกำหนดไว้แล้ว เช่นเดียวกับทางเดินของสายน้ำ
เพราะว่าสายน้ำ เพียงเผยสภาวะที่แท้จริงของการดำรงอยู่ และการดิ้นรนเพื่อมาอยู่รวมกันในระดับที่เท่าเทียมกัน เพียงแต่ต่างกันตรงที่ความตื้นและลึกภายในเท่านั้น
สายน้ำที่แวะเวียนมาทักทายเรานั้นในวันนี้ จึงเป็นเหมือนสื่อสัญญาณ เพื่อให้เราได้หวนระลึกและเตรียมเปลี่ยนผ่านสภาวะของการมีชีวิตต่อไป ด้วยการอยู่รอดไปด้วยกัน และอาจกำลังเกิดมีพิธีกรรมหรือวิทยาการอะไรบางอย่างที่เราได้ร่วมกันสร้างขึ้นมา ด้วยความสอดประสานกับสายน้ำ ซึ่งอาจไม่มีจริงในความคิดของเราในยุคสมัยปัจจุบัน แต่มีจริงในหัวใจของเราทุกคนทุกยุคสมัย
วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554
มอญกับพื้นที่ชุ่มน้ำ
ที่ราบลุ่มน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมนุษย์ทุกยุคสมัย เป็นทั้งศูนย์กลางทางข้อมูลข่าวสาร การแลกเปลี่ยนทรัพยากร และผู้คน มอญเป็นกลุ่มคนดั้งเดิมกลุ่มหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมจากการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมมาอย่างยาวนาน เป็นแบบอย่างความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติให้เราได้เรียนรู้ในวันที่เรากำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของธรรมชาติ
วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
ชีวิตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงหลากหลาย
ส่งผลให้ไม่แสวงหาความจีรังในรูปลักษณ์
เพียงแปรเปลี่ยนไปตาม
เพียงหลักพิงใจก็พอแล้ว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)