วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สายน้ำกับการเปลี่ยนผ่าน

น้ำในความสัมพันธ์กับมนุษย์  คงเริ่มต้นมานับตั้งแต่กำเนิดมนุษย์ไม่กี่หมื่นปีที่ผ่านมา  แต่หากนับย้อนไปถึงสายพันธุ์อื่นที่เป็นต้นกำเนิดมนุษย์  และเลยไปถึงกำเนิดสิ่งมีชีวิต  คงจะเลยไปถึงนับล้านปี
น้ำเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตแรก ๆ บนโลกใบนี้  ก่อนที่จะวิวัฒนาการทั้งในน้ำและบนบก  ทุกชีวิตที่ถือกำเนิดบนโลกใบนี้ต่างต้องพึ่งพิงน้ำในการมีชีวิต  แม้ว่าจะต้องประสบกับภาวะขาดน้ำและน้ำมาก  แต่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพการขึ้นและลงของน้ำ  เกิดเป็นฤดูกาลของชีวิต 
มนุษย์เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับฤดูกาล  โดยเฉพาะเมื่อมีความสัมพันธ์กับวิถีการหาอาหารและการผลิต  สะท้อนออกมาในรูปแบบของพิธีกรรมในช่วงของการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล   เพื่ออ้อนวอน  ขออภัย  เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  พิธีกรรมต่าง ๆ  ในสมัยโบราณ  จึงมิใช่เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลหรืองมงาย  หากเราอยู่ในยุคนั้นคงเข้าใจดีกว่านี้ 
สายน้ำที่ตกมาจากฟ้าหรือเอ่อล้นขึ้นมาจากแหล่งน้ำต่าง ๆ  จึงเป็นสภาวะของความเปลี่ยนแปลงที่มนุษย์ได้ใช้พิธีกรรมต่าง ๆ  เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล  หรือแม้กระทั่งในยามที่ขาดแคลนน้ำ  ก็ไม่ต่างกัน
สายน้ำที่ขาดหาย  ก็คือสายน้ำที่กำลังจะมาถึง  จึงเป็นสัญลักษณ์ของความมีชีวิต  หากการยึดติดกับสภาวะใดสภาวะหนึ่ง  จึงมิใช่ความหมายของการอยู่รอดของชีวิต  เพียงผันแปรไปตามก็จะพบกับชีวิตที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและสอดประสานไปกับทุกสรรพสิ่งโดยไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่ากัน
ในยุคสมัยหนึ่งของมนุษย์ไม่ถึงพันปีที่ผ่านมา  มนุษย์ได้สร้างเรือ ใช้สายน้ำและลม ข้ามพ้นมิติของพื้นที่อันห่างไกล  ทั้งผู้คนและทรัพยากรได้ถูกเคลื่อนย้าย  จนนำไปสู่การครอบครองดินแดนของชนชาติที่เข้มแข็งกว่าจากดินแดนอันแสนไกล
ด้วยวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่แตกต่างกัน  จึงอาจเกิดความเข้ากันไม่ได้ของวิถีชีวิตหนึ่งในหลายพื้นที่  แต่ด้วยจำนวนประชากรที่ยังมีไม่มากนักจึงยังไม่ส่งผลออกมาให้เห็น  เพียงแต่ได้สะสมและรอวันที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
การเดินทางของสายน้ำนั้นทั้งจากการเคลื่อนย้ายและเปลี่ยนรูปแบบ  ได้ส่งสัญญาณให้มนุษย์ได้รับรู้เสมอมา  แต่การเกิดขึ้นของนักเดินทางที่แสวงหาความสุขของตนเอง  ได้ก้าวข้ามพ้นสายน้ำและสายสัมพันธ์ของชีวิตที่แตกต่างหลากหลายไปตามวิถีทางในแต่ละพื้นที่  จนเกิดแบบรูปของชีวิตอันเป็นหนึ่งเดียว ในนามของการพัฒนา
วิทยาการและเทคโนโลยี  หากเป็นเพียงเครื่องมือของมนุษย์ที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการอยู่รวมกันของมนุษย์น่าจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญ  หากมีไว้เพื่อตอบสนองความต้องการของคนเพียงน้อยนิด  เพราะมนุษย์เป็นผู้มีอคติในความเชื่อของตน  จึงเป็นไปไม่ได้ว่าวิทยาการอันใดจะมีความเป็นสากลในทุกพื้นที่  หากไม่มีการปรับเปลี่ยน  รับใช้ให้เหมาะสมกับคนในแต่ละพื้นที่
วิทยาการสมัยใหม่ได้แบ่งแยกสายน้ำ นับตั้งแต่บนฟ้า  บนภูเขา  ในแม่น้ำ  คลอง  บึง  ทะเล  และมหาสมุทร  (และสิ่งมีชีวิตที่นับไม่ถ้วนที่ล้วนผูกสัมพันธ์อยู่)  ทั้งยังรวมเอาส่วนของสายน้ำแต่ละส่วนมาไว้ภายใต้กฎเกณฑ์และคำอธิบายภายใต้กรอบอันเดียวกัน  เพื่อข้ามพ้นไปจากความสัมพันธ์ของพื้นที่ที่ดำรงอยู่

การแบ่งแยกสายน้ำ  จึงเหมือนกับชีวิตที่ถูกปิดกั้น ที่ไม่มีโอกาสมีความอิสระที่จะเตรียมความพร้อมในช่วงฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนผ่าน  หลายชีวิตได้ถูกกรอบกำหนดไว้แล้ว เช่นเดียวกับทางเดินของสายน้ำ
เพราะว่าสายน้ำ เพียงเผยสภาวะที่แท้จริงของการดำรงอยู่ และการดิ้นรนเพื่อมาอยู่รวมกันในระดับที่เท่าเทียมกัน  เพียงแต่ต่างกันตรงที่ความตื้นและลึกภายในเท่านั้น

สายน้ำที่แวะเวียนมาทักทายเรานั้นในวันนี้  จึงเป็นเหมือนสื่อสัญญาณ เพื่อให้เราได้หวนระลึกและเตรียมเปลี่ยนผ่านสภาวะของการมีชีวิตต่อไป  ด้วยการอยู่รอดไปด้วยกัน และอาจกำลังเกิดมีพิธีกรรมหรือวิทยาการอะไรบางอย่างที่เราได้ร่วมกันสร้างขึ้นมา  ด้วยความสอดประสานกับสายน้ำ  ซึ่งอาจไม่มีจริงในความคิดของเราในยุคสมัยปัจจุบัน  แต่มีจริงในหัวใจของเราทุกคนทุกยุคสมัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น