น้ำในความสัมพันธ์กับมนุษย์ คงเริ่มต้นมานับตั้งแต่กำเนิดมนุษย์ไม่กี่หมื่นปีที่ผ่านมา แต่หากนับย้อนไปถึงสายพันธุ์อื่นที่เป็นต้นกำเนิดมนุษย์ และเลยไปถึงกำเนิดสิ่งมีชีวิต คงจะเลยไปถึงนับล้านปี
น้ำเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตแรก ๆ บนโลกใบนี้ ก่อนที่จะวิวัฒนาการทั้งในน้ำและบนบก ทุกชีวิตที่ถือกำเนิดบนโลกใบนี้ต่างต้องพึ่งพิงน้ำในการมีชีวิต แม้ว่าจะต้องประสบกับภาวะขาดน้ำและน้ำมาก แต่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพการขึ้นและลงของน้ำ เกิดเป็นฤดูกาลของชีวิต
มนุษย์เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับฤดูกาล โดยเฉพาะเมื่อมีความสัมพันธ์กับวิถีการหาอาหารและการผลิต สะท้อนออกมาในรูปแบบของพิธีกรรมในช่วงของการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล เพื่ออ้อนวอน ขออภัย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พิธีกรรมต่าง ๆ ในสมัยโบราณ จึงมิใช่เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลหรืองมงาย หากเราอยู่ในยุคนั้นคงเข้าใจดีกว่านี้
สายน้ำที่ตกมาจากฟ้าหรือเอ่อล้นขึ้นมาจากแหล่งน้ำต่าง ๆ จึงเป็นสภาวะของความเปลี่ยนแปลงที่มนุษย์ได้ใช้พิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล หรือแม้กระทั่งในยามที่ขาดแคลนน้ำ ก็ไม่ต่างกัน
สายน้ำที่ขาดหาย ก็คือสายน้ำที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นสัญลักษณ์ของความมีชีวิต หากการยึดติดกับสภาวะใดสภาวะหนึ่ง จึงมิใช่ความหมายของการอยู่รอดของชีวิต เพียงผันแปรไปตามก็จะพบกับชีวิตที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและสอดประสานไปกับทุกสรรพสิ่งโดยไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่ากัน
ในยุคสมัยหนึ่งของมนุษย์ไม่ถึงพันปีที่ผ่านมา มนุษย์ได้สร้างเรือ ใช้สายน้ำและลม ข้ามพ้นมิติของพื้นที่อันห่างไกล ทั้งผู้คนและทรัพยากรได้ถูกเคลื่อนย้าย จนนำไปสู่การครอบครองดินแดนของชนชาติที่เข้มแข็งกว่าจากดินแดนอันแสนไกล
ด้วยวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่แตกต่างกัน จึงอาจเกิดความเข้ากันไม่ได้ของวิถีชีวิตหนึ่งในหลายพื้นที่ แต่ด้วยจำนวนประชากรที่ยังมีไม่มากนักจึงยังไม่ส่งผลออกมาให้เห็น เพียงแต่ได้สะสมและรอวันที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
การเดินทางของสายน้ำนั้นทั้งจากการเคลื่อนย้ายและเปลี่ยนรูปแบบ ได้ส่งสัญญาณให้มนุษย์ได้รับรู้เสมอมา แต่การเกิดขึ้นของนักเดินทางที่แสวงหาความสุขของตนเอง ได้ก้าวข้ามพ้นสายน้ำและสายสัมพันธ์ของชีวิตที่แตกต่างหลากหลายไปตามวิถีทางในแต่ละพื้นที่ จนเกิดแบบรูปของชีวิตอันเป็นหนึ่งเดียว ในนามของการพัฒนา
วิทยาการและเทคโนโลยี หากเป็นเพียงเครื่องมือของมนุษย์ที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการอยู่รวมกันของมนุษย์น่าจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญ หากมีไว้เพื่อตอบสนองความต้องการของคนเพียงน้อยนิด เพราะมนุษย์เป็นผู้มีอคติในความเชื่อของตน จึงเป็นไปไม่ได้ว่าวิทยาการอันใดจะมีความเป็นสากลในทุกพื้นที่ หากไม่มีการปรับเปลี่ยน รับใช้ให้เหมาะสมกับคนในแต่ละพื้นที่
วิทยาการสมัยใหม่ได้แบ่งแยกสายน้ำ นับตั้งแต่บนฟ้า บนภูเขา ในแม่น้ำ คลอง บึง ทะเล และมหาสมุทร (และสิ่งมีชีวิตที่นับไม่ถ้วนที่ล้วนผูกสัมพันธ์อยู่) ทั้งยังรวมเอาส่วนของสายน้ำแต่ละส่วนมาไว้ภายใต้กฎเกณฑ์และคำอธิบายภายใต้กรอบอันเดียวกัน เพื่อข้ามพ้นไปจากความสัมพันธ์ของพื้นที่ที่ดำรงอยู่
การแบ่งแยกสายน้ำ จึงเหมือนกับชีวิตที่ถูกปิดกั้น ที่ไม่มีโอกาสมีความอิสระที่จะเตรียมความพร้อมในช่วงฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนผ่าน หลายชีวิตได้ถูกกรอบกำหนดไว้แล้ว เช่นเดียวกับทางเดินของสายน้ำ
เพราะว่าสายน้ำ เพียงเผยสภาวะที่แท้จริงของการดำรงอยู่ และการดิ้นรนเพื่อมาอยู่รวมกันในระดับที่เท่าเทียมกัน เพียงแต่ต่างกันตรงที่ความตื้นและลึกภายในเท่านั้น
สายน้ำที่แวะเวียนมาทักทายเรานั้นในวันนี้ จึงเป็นเหมือนสื่อสัญญาณ เพื่อให้เราได้หวนระลึกและเตรียมเปลี่ยนผ่านสภาวะของการมีชีวิตต่อไป ด้วยการอยู่รอดไปด้วยกัน และอาจกำลังเกิดมีพิธีกรรมหรือวิทยาการอะไรบางอย่างที่เราได้ร่วมกันสร้างขึ้นมา ด้วยความสอดประสานกับสายน้ำ ซึ่งอาจไม่มีจริงในความคิดของเราในยุคสมัยปัจจุบัน แต่มีจริงในหัวใจของเราทุกคนทุกยุคสมัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น