วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สายน้ำบนถนนกับคนในเมือง





ในสภาวะที่คนเมืองประสบกับน้ำท่วม การดำเนินชีวิตประจำวันอาจไม่ราบรื่นเหมือนภาวะปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนส่วนหนึ่งที่ประกอบอาชีพรับเงินเป็นรายเดือน ทั้งภาคเอกชนและราชการ จำเป็นต้องขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจให้เดินต่อ เพื่อไม่ให้ระบบรายย่อยอื่นๆ ที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กันไม่หยุดนิ่ง
ภายใต้กรอบกติกาที่มนุษย์สร้างขึ้น ภายใต้ระบบความเป็นเมือง ซึ่งเมื่อมองภายใต้กรอบธรรมชาตินิยมแล้ว ย่อมถือว่ามีความไม่เป็นธรรมชาติอยู่เลย แต่เมื่อมองในแนวมนุษย์นิยมแล้วอาจถือว่าเป็นความธรรมดาของมนุษย์ที่พยายามเอาชนะธรรมชาติมาโดยตลอด
ในภาวะเช่นนี้ อาจไม่ต่างจากยุคสมัยของมนุษย์อื่นๆ ที่เกิดการเรียนรู้ และข้ามพ้นไปจากกรอบที่เคยยึดถือ และหันมาทำความเข้าใจที่จะอยู่รอดต่อไป ภายใต้ระบบความสัมพันธ์ของคนที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในยามที่ประสบกับปัญหาร่วมกัน
เมื่อภาระหน้าที่ในการประกอบอาชีพ จำเป็นต้องเดินทางจากบ้านไปยังที่ทำงาน ส่วนใหญ่ในภาวะที่สภาพเส้นทางปกติ อาจแบ่งกลุ่มตามยานพาหนะที่ใช้ เป็น 2 กลุ่ม คือ มีใช้เป็นส่วนตัว กับ ใช้ของสาธารณะ ซึ่งในยามภาวะปกติสภาพของสังคมเมืองย่อมแบ่งแยกคนให้สามารถอยู่ได้ด้วยตนเองมากว่าพึ่งพิงโดยตรงกับคนอื่น ทุกๆคนจึงมีความสามารถในการเดินทาง ตามที่ได้เรียนรู้มาเป็นอย่างดี
สำหรับในภาวะที่ไม่ปกติของเมือง แต่เป็นภาวะธรรมชาติของน้ำ การปะทะกันของสิ่งที่ปรากฏแก่สายตา ทำให้สภาพของถนนที่เป็นช่องทางการเดินทางที่สำคัญ เต็นไปด้วยน้ำ รถยนต์ส่วนตัวไม่อาจออกมาใช้ได้เหมือนปกติ แต่เมื่อคนเมืองมีความจำเป็นต้องออกไปทำงาน จึงเกิดความสัมพันธ์ของคนที่สร้างขึ้นเพื่อสามารถให้บรรลุเป้าหมายในการเดินทาง คือ
คนที่ใช้บริการขนส่งมวลชน ก็ยังใช้เช่นเดิม เพียงแต่อาจเปลี่ยนจากรถเมล์เป็นรถทหาร โบกรถกระบะ และอาจเปลี่ยนจากนั่งเงียบคนเดียว ไปเป็นได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมทางมากขึ้น อยากสื่อสารกับคนรอบข้าง หรือแม้กระทั้งได้เห็นความเป็นผู้นำตามธรรมชาติ
คนที่มีรถสูงพอที่จะวิ่งฝ่าน้ำได้ ก็กลายเป็นผู้ประกอบการขนส่งมวลชนชั่วคราว ทั้งจากการรับส่งญาติมิตร เพื่อนร่วมงานแล้ว ยังเป็นอาสาพาผู้อื่นที่ประสบภัยไปส่งด้วย
คนที่ปกติอาจขับรถหรือไม่ขับรถเอง แต่มีความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่สามารถเข้าถึงทรัพยากรได้มากกว่าคนทั่วไป ในทีนี้คือยังสามารถเดินทางได้สะดวก ก็จะมีคนคอยไปรับส่งอยู่เสมอ
คน 3 กลุ่ม ดังกล่าวนี้ อาจไม่มีปัญหานักในการเดินทางในสภาพถนนที่ไม่ปกติ คือยังมีความสามารถที่จะไปได้ โดยอาศัยความสัมพันธ์ 3 อย่าง คือ อำนาจที่มีอยู่ รถตัวเองที่ยังวิ่งอยู่ และขนส่งมวลชนที่มีอยู่
แต่ยังเหลืออีกกลุ่มหนึ่งที่ในยามปกติก็ขับรถไปทำงาน เมื่อประสบกับภาวะน้ำท่วมบางส่วนก็ยังมีความสามารถได้ปรับตัวไปใช้ขนส่งมวลชน แต่ยังคงมีอีกจำนวนหนึ่งที่อาจเป็นไปไม่ได้ เมื่อเปรียบเทียบภาพของคนที่ขับรถไปทำงานนับสิบปีมาเป็นคนที่ต้องปีนขึ้นรถที่สูง แม้ในยามปกติก็ไม่เคยขึ้นรถเมล์ แล้วก็ไม่สามารถเข้าถึงอำนาจใดๆ ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นก็ไม่มีความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเพื่อนฝูงร่วมงานอื่นพอที่จะอาศัยหรือไปเป็นเพื่อนด้วย
กลุ่มสุดท้ายนี้จึงเป็นกลุ่มที่สังคมได้ผลักดันให้เราเดินไป แต่กลับเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในยามที่ประสบกับภาวะที่ไม่ปกติของเมือง น่าจะเป็นหนทางที่ทำให้เราเข้าใจว่า ทำไมต้องทำถนนให้แห้ง และรักษากรุงเทพชั้นใน เพราะหากสายน้ำเดินทางไปยังจุดนั้น ความน่าวิตกไม่ใช่เรื่องของน้ำอย่างเดียว หากยังรวมถึงความสัมพันธ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นแกนของเมืองจะถูกทดสอบไปด้วย เมื่อถึงวันนั้นจริงเราคงจะได้รู้ว่าจะมีสิ่งใดหลงเหลืออยู่ สิ่งใดคือของจริง สิ่งใดคือความสัมพันธ์ที่ช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไปได้

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สายน้ำกับการเปลี่ยนผ่าน

น้ำในความสัมพันธ์กับมนุษย์  คงเริ่มต้นมานับตั้งแต่กำเนิดมนุษย์ไม่กี่หมื่นปีที่ผ่านมา  แต่หากนับย้อนไปถึงสายพันธุ์อื่นที่เป็นต้นกำเนิดมนุษย์  และเลยไปถึงกำเนิดสิ่งมีชีวิต  คงจะเลยไปถึงนับล้านปี
น้ำเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตแรก ๆ บนโลกใบนี้  ก่อนที่จะวิวัฒนาการทั้งในน้ำและบนบก  ทุกชีวิตที่ถือกำเนิดบนโลกใบนี้ต่างต้องพึ่งพิงน้ำในการมีชีวิต  แม้ว่าจะต้องประสบกับภาวะขาดน้ำและน้ำมาก  แต่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพการขึ้นและลงของน้ำ  เกิดเป็นฤดูกาลของชีวิต 
มนุษย์เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับฤดูกาล  โดยเฉพาะเมื่อมีความสัมพันธ์กับวิถีการหาอาหารและการผลิต  สะท้อนออกมาในรูปแบบของพิธีกรรมในช่วงของการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล   เพื่ออ้อนวอน  ขออภัย  เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  พิธีกรรมต่าง ๆ  ในสมัยโบราณ  จึงมิใช่เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลหรืองมงาย  หากเราอยู่ในยุคนั้นคงเข้าใจดีกว่านี้ 
สายน้ำที่ตกมาจากฟ้าหรือเอ่อล้นขึ้นมาจากแหล่งน้ำต่าง ๆ  จึงเป็นสภาวะของความเปลี่ยนแปลงที่มนุษย์ได้ใช้พิธีกรรมต่าง ๆ  เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล  หรือแม้กระทั่งในยามที่ขาดแคลนน้ำ  ก็ไม่ต่างกัน
สายน้ำที่ขาดหาย  ก็คือสายน้ำที่กำลังจะมาถึง  จึงเป็นสัญลักษณ์ของความมีชีวิต  หากการยึดติดกับสภาวะใดสภาวะหนึ่ง  จึงมิใช่ความหมายของการอยู่รอดของชีวิต  เพียงผันแปรไปตามก็จะพบกับชีวิตที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและสอดประสานไปกับทุกสรรพสิ่งโดยไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่ากัน
ในยุคสมัยหนึ่งของมนุษย์ไม่ถึงพันปีที่ผ่านมา  มนุษย์ได้สร้างเรือ ใช้สายน้ำและลม ข้ามพ้นมิติของพื้นที่อันห่างไกล  ทั้งผู้คนและทรัพยากรได้ถูกเคลื่อนย้าย  จนนำไปสู่การครอบครองดินแดนของชนชาติที่เข้มแข็งกว่าจากดินแดนอันแสนไกล
ด้วยวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่แตกต่างกัน  จึงอาจเกิดความเข้ากันไม่ได้ของวิถีชีวิตหนึ่งในหลายพื้นที่  แต่ด้วยจำนวนประชากรที่ยังมีไม่มากนักจึงยังไม่ส่งผลออกมาให้เห็น  เพียงแต่ได้สะสมและรอวันที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
การเดินทางของสายน้ำนั้นทั้งจากการเคลื่อนย้ายและเปลี่ยนรูปแบบ  ได้ส่งสัญญาณให้มนุษย์ได้รับรู้เสมอมา  แต่การเกิดขึ้นของนักเดินทางที่แสวงหาความสุขของตนเอง  ได้ก้าวข้ามพ้นสายน้ำและสายสัมพันธ์ของชีวิตที่แตกต่างหลากหลายไปตามวิถีทางในแต่ละพื้นที่  จนเกิดแบบรูปของชีวิตอันเป็นหนึ่งเดียว ในนามของการพัฒนา
วิทยาการและเทคโนโลยี  หากเป็นเพียงเครื่องมือของมนุษย์ที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการอยู่รวมกันของมนุษย์น่าจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญ  หากมีไว้เพื่อตอบสนองความต้องการของคนเพียงน้อยนิด  เพราะมนุษย์เป็นผู้มีอคติในความเชื่อของตน  จึงเป็นไปไม่ได้ว่าวิทยาการอันใดจะมีความเป็นสากลในทุกพื้นที่  หากไม่มีการปรับเปลี่ยน  รับใช้ให้เหมาะสมกับคนในแต่ละพื้นที่
วิทยาการสมัยใหม่ได้แบ่งแยกสายน้ำ นับตั้งแต่บนฟ้า  บนภูเขา  ในแม่น้ำ  คลอง  บึง  ทะเล  และมหาสมุทร  (และสิ่งมีชีวิตที่นับไม่ถ้วนที่ล้วนผูกสัมพันธ์อยู่)  ทั้งยังรวมเอาส่วนของสายน้ำแต่ละส่วนมาไว้ภายใต้กฎเกณฑ์และคำอธิบายภายใต้กรอบอันเดียวกัน  เพื่อข้ามพ้นไปจากความสัมพันธ์ของพื้นที่ที่ดำรงอยู่

การแบ่งแยกสายน้ำ  จึงเหมือนกับชีวิตที่ถูกปิดกั้น ที่ไม่มีโอกาสมีความอิสระที่จะเตรียมความพร้อมในช่วงฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนผ่าน  หลายชีวิตได้ถูกกรอบกำหนดไว้แล้ว เช่นเดียวกับทางเดินของสายน้ำ
เพราะว่าสายน้ำ เพียงเผยสภาวะที่แท้จริงของการดำรงอยู่ และการดิ้นรนเพื่อมาอยู่รวมกันในระดับที่เท่าเทียมกัน  เพียงแต่ต่างกันตรงที่ความตื้นและลึกภายในเท่านั้น

สายน้ำที่แวะเวียนมาทักทายเรานั้นในวันนี้  จึงเป็นเหมือนสื่อสัญญาณ เพื่อให้เราได้หวนระลึกและเตรียมเปลี่ยนผ่านสภาวะของการมีชีวิตต่อไป  ด้วยการอยู่รอดไปด้วยกัน และอาจกำลังเกิดมีพิธีกรรมหรือวิทยาการอะไรบางอย่างที่เราได้ร่วมกันสร้างขึ้นมา  ด้วยความสอดประสานกับสายน้ำ  ซึ่งอาจไม่มีจริงในความคิดของเราในยุคสมัยปัจจุบัน  แต่มีจริงในหัวใจของเราทุกคนทุกยุคสมัย

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มอญกับพื้นที่ชุ่มน้ำ

ที่ราบลุ่มน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมนุษย์ทุกยุคสมัย เป็นทั้งศูนย์กลางทางข้อมูลข่าวสาร การแลกเปลี่ยนทรัพยากร และผู้คน มอญเป็นกลุ่มคนดั้งเดิมกลุ่มหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมจากการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมมาอย่างยาวนาน เป็นแบบอย่างความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติให้เราได้เรียนรู้ในวันที่เรากำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของธรรมชาติ

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง

ชีวิตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงหลากหลาย
ส่งผลให้ไม่แสวงหาความจีรังในรูปลักษณ์
เพียงแปรเปลี่ยนไปตาม
เพียงหลักพิงใจก็พอแล้ว